การที่จะหาโรงพิมพ์ที่ ” รับออกแบบแพคเกจจิ้ง “ และทำให้แพคเกจจิ้งของเราออกมาสวยงาม มีคุณภาพได้นั้นจะต้องมีองค์ประกอบด้วยกันหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบที่สะดุดตา การใช้เทคนิคพิเศษทำให้กล่องมีความหรูหรา เพื่อที่จะได้ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับกล่องแพคเกจจิ้ง ซึ่งที่ printingdesignbox.com เรารับทั้งออกแบบ และผลิตแพคเกจจิ้งต่างๆ เช่น กล่องสบู่ กล่องลิปสติก กล่องครีม กล่องเครื่องสำอาง และอื่นๆ ที่ตอบโจทย์กับความต้องการของคุณ
Printingdesignbox รับออกแบบแพคเกจจิ้ง ดีไซน์สวยๆ
โดยทั่วไปแล้วการออกแบบกล่องแพคเกจจิ้ง จะต้องมีเทคนิคพิเศษ หรือเคล็ดลับต่างๆ เข้ามาช่วยในการออกแบบให้กล่องสวย และมีความแตกต่างจากคู่แข่ง ซึ่งทาง Printingdesignbox เองก็มีเคล็ดลับ 4 อย่างมาแนะนำที่จะทำให้กล่องสามารถที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าได้
1.การออกแบบแพคเกจจิ้งให้มีความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น
หากสามารถที่จะสร้างความประทับใจให้กับผู้บริโภคเมื่อได้เห็นกล่องแพคเกจจิ้งของเราได้ ถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่ง แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ในการเลือกซื้อสินค้าสักชิ้น รูปลักษณ์ภายนอกเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะเป็นสิ่งแรกที่คนจะมอง และหากว่ากล่องมีสีสันที่สดใส สวยงาม อีกทั้งมีลวดลายที่โดดเด่นไม่เหมือนใครก็ยิ่งจะสามารถดึงดูดความน่าสนใจให้กับผู้ที่พบเห็นได้ และเป็นการช่วยเพิ่มยอดขายให้กับสินค้าได้อีกทาง
2.ใช้เฉดสีที่เหมาะกับสไตล์ของแบรนด์
สีที่ใช้ในการรับออกแบบแพคเกจจิ้ง ต้องมีการคำนึงถึงสไตล์ของแบรนด์สินค้าด้วยว่าสไตล์เป็นแนวไหน เพื่อให้แพคเกจจิ้งและแบรนด์สินค้าไปในทิศทางเดียวกัน เช่น โลโก้แบรนด์เป็นสีแดง แพคเกจจิ้งก็ต้องมีการออกแบบให้เป็นสีแดงตามไปด้วย เพื่อช่วยในเรื่องของการจดจำแบรนด์ของผู้บริโภคให้จำแบรนด์สินค้าเราได้ง่ายขึ้น เมื่อเห็นแพคเกจจิ้งสีแดง โลโก้สีแดงก็จะจำได้ว่าคือสินค้าของเรานั่นเอง
3.ออกแบบแพคเกจจิ้งให้เหมาะกับสินค้า
สินค้าแต่ละชนิดแต่ละประเภทมีขนาดและรูปลักษณ์ที่ต่างกัน ซึ่งแพคเกจจิ้งที่ใช้บรรจุก็ต้องใช้ให้เหมาะสมด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นแบบกล่อง แบบถุงหรือเป็นแบบซองโดยทั้ง 3 แบบนี้ ก็ต้องใช้บรรจุสินค้าให้เหมาะสมกันด้วย แล้วแต่ละแบบใช้จะใช้อย่างไรนั้น Printingdesignbox มีคำตอบให้ ดังนี้
- แพคเกจจิ้งแบบกล่อง : สินค้าที่เหมาะสำหรับบรรจุใส่กล่อง เช่น กล่องใส่ครีม กล่องสบู่ กล่องเครื่องสำอาง กล่องลิปสติก กล่องใส่อาหาร กล่องขนม กล่องยา กล่องยาสีฟัน เป็นต้น ซึ่งสินค้าจำพวกนี้จำเป็นต้องมีการออกแบบแพคเกจจิ้งที่มีสีสันเป็นองค์ประกอบด้วย เพราะกระดาษที่ใช้ทำกล่องส่วนมากจะเป็นสีขาว จึงต้องมีการพิมพ์สี หรือลวดลายเพื่อเพิ่มความน่าสนใจ และจะได้ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าได้ด้วยนั่นเอง
- แพคเกจจิ้งแบบเป็นถุงกระดาษ : ซึ่งจะมีรูปแบบของถุงกระดาษที่แยกออกมา คือ ถุงกระดาษแบบหูหิ้วที่มีที่จับเป็นแบบเกลียวกระดาษ แบบริบบิ้น เพื่อเพิ่มความสวยงาม และเพื่อให้สามารถที่บรรจุของหนักได้มากขึ้น เช่น รองเท้า เสื้อผ้า แก้วน้ำ แก้วกาแฟต่างๆ แต่หากเป็นถุงกระดาษที่เป็นหูจับธรรมดา ก็จะบรรจุของที่ไม่หนักมาก เช่น ขนมปัง ขนมเค้ก เป็นต้น
- แพคเกจจิ้งแบบซอง มีซอง 4 แบบ คือ
- ซองกระดาษคราฟท์ : เหมากับสินค้าที่เป็นโฮมเมดต่างๆ เช่นเป็นซองใส่ขนมปังกรอบ คุกกี้ เมล็ดกาแฟ สมุนไพร ซึ่งคุณสมบัติของกระดาษคราฟท์จะเหมาะกับสินค้าที่สะอาด เป็นกันเอง หรือเป็นแบบธรรมชาตินั่นเอง
- ซองอลูมิเนียม : เป็นซองใส่สินค้าที่มีความทนทานต่อแสงแดดเป็นอย่างดี และยังสามารถกันน้ำ กันออกซิเจน ฉีกขาดยากอีกด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าเสียรสชาติไปจากเดิม นิยมนำไปบรรจุเกี่ยวกับอาหารแห้ง ปลางแห้ง เนื้อหมัก อาหารแช่แข็ง เป็นต้น
- ซองเมทัลไลท์ : จะมีทั้งแบบทึบ และแบบใสที่สามารถเห็นสินค้าด้านในถุงได้ ซองเมทัลไลท์จะบรรจุสินค้าประเภทอาหารผง อาหารเม็ด เมล็ดธัญพืชต่างๆ
- ซองพลาสติก : จะเหมาะกับซองที่ใส่สินค้าที่เป็น ซองปากกา, ซองใส่ Mask และซองใส่ขนม
เทคนิคพิเศษที่ใช้ในการรับออกแบบแพคเกจจิ้ง
ในการรับออกแบบแพคเกจจิ้งจะมีเพียงการเลือกใช้สี การเลือกใช้ฟอนต์หรือเพียงการจัดวางต่างๆ อย่างเดียวไม่ได้ เพราะมันอาจจะยังทำให้แพคเกจจิ้งของเราไม่น่าสนใจมากพอ ดังนั้นจึงต้องมีการใช้เทคนิคพิเศษเข้ามาช่วยให้มีลูกเล่น มีความโดดเด่นน่าสนใจมากขึ้น เพื่อให้การออกแบบมันสมบูรณ์แบบมากขึ้นและเทคนิคพิเศษที่จะสามารถช่วยให้การออกแบบแพคเกจจิ้งของเราดูพิเศษขึ้นกว่าของแบรนด์อื่นก็มีดังนี้
- เทคนิคการปั๊มเค หรือการปั๊มฟอยล์
- เทคนิคการปั๊มนูน
- เทคนิคการปั๊มจม
- เทคนิคการใช้สปอตยูวีเฉพาะจุด
- เทคนิคป็อปอัพ
- เทคนิคการเจาะหน้าต่าง
ซึ่งแน่นอนว่าหากนำเทคนิคเหล่านี้มาประกอบใช้ในการออกแบบแพคเกจจิ้ง จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจ ความหรูหรา ความสวยงามให้กับแพคเกจจิ้งของคุณอย่างแน่นอน อีกทั้งยังสามารถช่วยเพิ่มราคาให้กับสินค้าได้อีกด้วย
วัสดุที่โรงพิมพ์ Printingdesignbox ใช้ผลิตแพคเกจจิ้ง
วัสดุที่ใช้ในการผลิตแพคเกจจิ้งเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับการทำธุรกิจเลยก็ว่าได้ เพราะหากใช้วัสดุที่ไม่มีคุณภาพ แพคเกจจิ้งที่ได้ก็จะไม่มีประสิทธิภาพในการบรรจุสินค้าลงไป และเมื่อนำมาออกแบบแพคเกจจิ้งก็จะมีสีสันที่ไม่โดดเด่นชัดเจน ซึ่งวัสดุที่นำมาผลิตแพคเกจจิ้งมีหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นแพคเกจจิ้งแบบถุงกระดาษ หรือเป็นแพคเกจจิ้งกล่อง ก็มีการใช้วัสดุ ความหนาบางที่แตกต่างกัน ฉะนั้นแล้วเราไปดูกันว่าแพคเกจจิ้งแต่ละแบบใช้วัสดุอะไรบ้าง
วัสดุที่ใช้ผลิตกล่องแพคเกจจิ้ง
- กระดาษอาร์ตการ์ด : เป็นกระดาษที่มีผิวเรียบ มันเงา และเมื่อนำมาออกแบบจะทำให้สีของแพคเกจจิ้งสวยงาม สีคมชัด อีกทั้งยังมีราคาที่ไม่แพง และสเปคกระดาษที่นิยมใช้ทำแพคเกจจิ้งคือ 350-400 แกรม เพราะจะทำให้กระดาษมีความแข็งแรงเมื่อใส่สินค้าลงไป คนส่วนมากจึงนิยมใช้กระดาษอาร์ตการ์ดกันอย่างมาก เนื่องจากมีราคาที่ไม่แพง ออกแบบมาแล้วสวยงาม ยังสามารถช่วยเพิ่มยอดขายได้อีกด้วย
- กระดาษแป้งหลังขาว : จะมีลักษณะเป็นสีขาวทั้ง 2 หน้า โดยด้านห้าจะมีผิวขาวเรียบมัน ด้านหลังจะมีผิวเรียบ แต่มีความหยาบเล็กน้อย สเปคกระดาษจะใช้ตั้งแต่ 300, 350, 400 แกรม และส่วนมากแล้วจะใช้เป็นแพคเกจจิ้งที่เกี่ยวกับยาเวชภัณฑ์ เป็นต้น
- กระดาษแป้งหลังเทา : มีลักษณะที่เป็นกระดาษ2 หน้าคล้ายกับกระดาษแป้งหลังขาว แต่อีกด้านเป็นสีเทา ซึ่งเหมาะกับการทำกล่องแพคเกจจิ้งที่เป็นกล่องยาสีฟัน กล่องของเล่นต่างๆ
- กระดาษคราฟท์ : เป็นกระดาษที่มากจากธรรมชาติ และกระดาษรีไซเคิล อีกทั้งยังมีราคาที่ถูกกว่ากระดาษชนิดอื่น สเปคกระดาษที่นิยมใช้กัน คือ 300 350 375 450 แกรม ส่วนมากแล้วจะนิยมนำไปเป็นแพคเกจจิ้งเกี่ยวกับอาหาร ขนม และผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นออร์แกนิค หรือเป็นแพคเกจจิ้งที่ใส่ของที่ระลึก
วัสดุที่ใช้ผลิตถุงแพคเกจจิ้ง
- กระดาษอาร์ตการ์ด : ขนาดที่ใช้ในการทำถุงกระดาษอาร์ตการ์ดจะเป็นขนาดประมาณ 190, 210, 230, 260 แกรม และมักจะถูกนำไปใช้เป็นถุงกระดาษที่ใช้ในห้างสรรพสินค้า เช่น ถุงใส่แบรนด์เสื้อผ้า เครื่องประดับ เป็นต้น
- กระดาษคราฟท์ : ขนาดที่ใช้ทำเป็นถุงกระดาษจะใช้ตั้งแต่ 125, 150, 180 แกรม ถุงกระดาษคราฟท์ในปัจจุบันถูกนำไปเป็นถุง Shopping หือนำไปเป็นถุงที่ใช้ใส่พวกอาหาร ของกินซะส่วนใหญ่
- กระดาษปอนด์ : เป็นถุงกระดาษที่ใส่ของที่น้ำหนักไม่เยอะมาก เพราะขนาดกระดาษที่ใช้อยู่ที่ 80 100 120 แกรม เท่านั้น ส่วนมากแล้วจะใส่สินค้าเกี่ยวกับของกิน ขนม อาหาร เป็นต้น
ระบบที่ใช้ในการพิมพ์แพคเกจจิ้งของโรงพิมพ์ Printingdesignbox
ระบบที่ใช้ในการพิมพ์แพคเกจจิ้ง จะต้องมีคุณภาพ และสามารถที่จะพิมพ์แพคเกจจิ้งตั้งแต่จำนวนที่น้องไปถึงจำนวนมากได้ เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่มาใช้บริการ และจะต้องมีความรวดเร็วในการพิมพ์ เพื่อไม่ให้ลูกค้าที่มาใช้บริการต้องรอนาน ระบบที่ใช้ในการพิมพ์แพคเกจจิ้งมี 2 ระบบ ได้แก่
1.ระบบพิมพ์ออฟเซ็ท (Offset)
ออฟเซ็ท เป็นระบบพิมพ์กล่องแพคเกจจิ้งอย่างหนึ่งที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งงานที่ออกมาถือว่าเป็นที่น่าพอใจ เพราะระบบพิมพ์ออฟเซ็ทสามารถที่จะเก็บรายละเอียดได้ครบ ไม่ว่าจะเป็นรูปที่มีความสวยคม ข้อความบนกล่องแพคเกจจิ้งมีความชัดเจน แต่ระบบพิมพ์ออฟเซ็ทจะเหมาะกับการพิมพ์ครั้งละมากๆ ไม่เหมาะกับการพิมพ์ครั้งละน้อยๆ สักเท่าไหร่ เพราะระบบพิมพ์นี้มีการใช้แม่พิมพ์ 3 โม คือ โมแม่พิมพ์ โมพิมพ์ยาง และโมพิมพ์กดทับ ซึ่งมีขั้นตอนที่ซับซ้อนนั่นเอง แต่หากใช้ระบบออฟเซ็ทของทางโรงพิมพ์เรา แน่นอนว่าแพคเกจจิ้งที่ได้จะมีคุณภาพ มีความสวยงาม และเหมาะที่เป็นแพคเกจจิ้งให้กับสินค้าของคุณอย่างแน่นอน
2.ระบบพิมพ์ดิจิตอล (Digital Printing)
ระบบพิมพ์แบบดิจิตอล เป็นการใช้คอมพิวเตอร์มาพ่วงเข้ากับเครื่องพิมพ์ ซึ่งแน่นอนว่าการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในกระบวนการพิมพ์จะต้องมีความรวดเร็วว่องไว และสามารถที่จะแก้ไขงานที่มีความผิดพลาดได้ง่าย อีกทั้งยังช่วยให้ประหยัดเวลาในการทำงานได้เป็นอย่างดี เพราะกระบวนการในการทำงานต่างๆ ไม่ต้องมีแม่พิมพ์ ซึ่งเป็นการลดขั้นตอนในการทำงานไปได้มากเลยทีเดียว และข้อดีอีกอย่างของระบบพิมพ์แบบดิจิตอล คือ สามารถพิมพ์กล่องแพคเกจจิ้งได้ตั้งแต่จำนวนน้อยไปถึงทีละมากๆ ได้
สรุป
โรงพิมพ์ Printingdesignbox ของเรามีการ ” รับออกแบบแพคเกจจิ้ง ” และสามารถที่จะออกแบบให้แพคเกจจิ้งของคุณช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและสามารถที่จะสร้างการจดจำให้กับผู้บริโภคได้ โดยการใช้ 4 เคล็ดลับ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบให้ผู้บริโภคเกิดความประทับใจในแพคเกจจิ้ง การเลือกใช้สี การเลือกใช้ประเภทของแพคเกจจิ้งให้เหมาะสมกับสินค้า เพื่อให้ไปทิศทางเดียวกัน หรือการใช้วัสดุในการผลิตแพคเกจจิ้งที่มีคุณภาพ แข็งแรง มีปะสิทธิภาพพอที่จะบรรจุสินค้าลงไปในแพคเกจจิ้งได้ รวมไปถึงมีการใช้ระบบพิมพ์ที่ได้มาตรฐาน มีประสิทธิภาพในการพิมพ์แพคเกจจิ้งสูง ซึ่งจะทำให้งานออกมามีความละเอียด สวยงามคมชัด เพื่อที่จะให้แพคเกจจิ้งสามารถสร้างมูลค่าให้กับสินค้า และสร้างกำไรให้กับแบรนด์ได้นั่นเอง