ในการเลือกระบบการพิมพ์หรือเทคโนโลยีการพิมพ์ ก็นับได้ว่าเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากในงานพิมพ์ เป็นสื่อที่แสดงเนื้อหาที่อยู่คู่กับสังคมมนุษย์มาอย่างยาวนาน แม้ว่าในปัจจุบันนี้ จะมีสื่อในรูปแบบใหม่อย่างสื่อออนไลน์ต่างๆ หรือสื่อดิจิตอลเข้ามาสร้างความสะดวกสบายให้กับงานพิมพ์กันมากยิ่งขึ้น
สื่อสิ่งพิมพ์ ยังคงมีความสำคัญและนิยมเลือกใช้กันอยู่บ่อยครั้ง เช่น ใน การจัดทำนามบัตร ใบปลิว แผ่นพับ สมุด หนังสือ ปฏิทิน การ์ดเชิญ ฯลฯ เป็นสิ่งที่ยังคงจะต้องใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ต่างๆ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาเพื่อให้งานพิมพ์ของเรานั้นออกมามีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ซึ่งในยุคนี้ ระบบการพิมพ์ต่างๆ ก็มีสิ่งดีๆ เข้ามาพัฒนาให้งานพิมพ์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ฉะนั้น ในการเลือกระบบการพิมพ์หรือเทคโนโลยีการพิมพ์ให้สอดคล้องเป็นสิ่งที่สำคัญมาก นอกจากจะตอบโจทย์กับความต้องการได้แล้ว ก็ยังสามารถช่วยทำให้งานพิมพ์ของเราออกมามีคุณภาพที่ดี สวยงามตรงใจ และที่สำคัญยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก โดยระบบการพิมพ์หรือเทคโนโลยีการพิมพ์ที่ได้รับความนิยมกันเป็นอย่างมากก็สามารถที่จะแบ่งออกได้เป็นดังต่อไปนี้ ซึ่งแต่ละระบบนั้นก็จะมีลักษณะแลเทคโนโลยีที่แตกต่างกันออกไป
3 เทคโนโลยีการพิมพ์ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน
1.ระบบการพิมพ์แบบอิงค์เจ็ท (Inkjet)
เป็นระบบงานพิมพ์ที่เครื่องพิมพ์ในรูปแบบพ่นหมึก จะทำงานโดยการพ่นหมึกออกมาเป็นหยดเล็กๆ ลงบนกระดาษ เพื่อที่จะสั่งพิมพ์ตัวเครื่องจะคำนวณ ตำแหน่งต่างๆในจุดของภาพรวม และพ่นสีหมึกที่ประมวลผลไว้ได้อย่างแม่นยำเป็นอย่างมากตามรูปแบบไฟล์งานที่ได้ใส่เข้าไป
ทำให้ภาพที่เราต้องการจะพิมพ์มีความชัดเจนและมีความคมชัด ซึ่งจุดเด่น คือ สามารถที่จะจัดทำได้ทั้งงานแบบเล็ก และ แบบใหญ่ ไม่จำกัดขนาดบนกระดาษ เหมาะสำหรับนำมาใช้งานทั้งภายในและภายนอก เช่น การออกแบบหรือจัดทำพวก ป้ายต่างๆ ป้ายแบนเนอร์ โปสเตอร์ ป้ายโฆษณากลางแจ้ง บิลบอร์ด ฉะนั้นในการเลือกระบบการพิมพ์แบบอิงค์เจ็ทจึงน่าเลือกใช้มาก
2.ระบบการพิมพ์แบบออฟเซ็ท (Offset)
การพิมพ์ด้วยระบบการพิมพ์แบบออฟเซ็ท สามารถพิมพ์ต่อครั้งได้ทีละมากๆ ถ้าหากเราจะต้องการพิมพ์ความละเอียดสูงรวมถึงลูกเล่นต่างๆ เช่น การเคลือบฟิล์ม เคลือบยูวี เคลือบพีวีซี เคลือบด้าน เคลือบเงา และอื่นๆ อีกมากมาย
ถ้าหากเราพิมพ์จำนวนหลักพันใบขึ้นไป ก็จะทำให้เราสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการจัดทำได้อย่างมาก ตามหลักทั่วไปส่วนใหญ่ก็มักจะพิมพ์กันเริ่มต้นที่ 1000 ชุดด้วยกัน สำหรับงานพิมพ์ที่มักจะใช้ระบบนี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวก นามบัตร ใบปลิว แผ่นพับ โปสเตอร์ โปสการ์ดต่างๆ บัตรเชิญ แฟ้ม และอื่นๆ อีกมากมาย
ข้อดีของการเลือกระบบการพิมพ์แบบออฟเซ็ทนั้นก็จะมีความสะดวกและรวดเร็วเป็นอย่างมากสามารถที่จะผลิตและสร้างสรรค์ชิ้นงานออกมาให้มีความละเอียดและสวยงามมากยิ่งขึ้น แต่การเลือกเทคโนโลยีนี้ในการพิมพ์ก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ถ้าหากเราพิมพ์ในจำนวนน้อย
3.ระบบการพิมพ์แบบดิจิตอลออฟเซ็ท (Digital Offset)
เป็นระบบงานพิมพ์ที่เหมาะสมกับการพิมพ์ในปริมาณที่น้อยอย่างมาก และใช้กระดาษที่มีความเป็นมาตรฐานที่มีขนาดไม่เกิน A3 โดยเราสามารถที่จะสั่งพิมพ์ได้ตั้งตี่จำนวน 1 แผ่นด้วยกัน ซึ่งในการสั่งพิมพ์นั้นเราก็สามารถที่จะสั่งพิมพ์ได้จากเครื่องคอมพิวเตอร์
แต่ถ้าหากเราพิมพ์ครั้งละมากๆ เช่น 1000 แผ่นขึ้นไป ความคุ้มค่าในการจัดทำ ก็อาจจะไม่เทียบเท่ากับการพิมพ์ในรูปแบบออฟเซ็ทสักเท่าไรนัก มันอาจจะเป็นการเพิ่มต้นทุนในการผลิตที่แพงกว่าก็ได้ในทุกวันนี้ถึงแม้ว่าระบบการพิมพ์รูปแบบดิจิตอล นั้นจะมีความคมชัด และคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกับการพิมพ์แบบออฟเซ็ทเป็นอย่างมากก็ตาม แต่ถ้าหากเราต้องการความรวดเร็ว ในการใช้สื่อสิ่งพิมพ์นั้น
การเลือกระบบดิจิตอล นั้นก็น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด แต่ถ้าเราเน้นปริมาณและคุณภาพที่ดีงามนั้นก็จะต้องเลือกแบบออฟเซ็ทจะดีกว่า สำหรับงานพิมพ์แบบดิจิตอลออฟเซ็ทที่เหมาะสมมากที่สุดนั้นก็จะเป็นพวก เอกสารชนิดต่างๆ รายงาน นามบัตร ใบปลิว เป็นต้น
สรุป
ระบบการพิมพ์ทั้งสามรูปแบบในยุคนี้นั้น ก็จะมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งแต่ละประเภทนั้นก็จะเหมาะสมกับงานพิมพ์ที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งในการเลือกใช้งานจริงๆ เราก็ควรที่จะต้องพิจารณาว่างานที่เราได้ทำการออกแบบนั้นมันเหมาะสมและโอเคหรือเปล่า เพราะถ้าเราเลือกมาแล้วไม่ตอบโจทย์หรือไม่ตรงกับความต้องการนั้นก็อาจจะทำให้เราได้รับงานพิมพ์ที่ไม่โอเคและไม่ได้คุณภาพ
ที่สำคัญ ถ้าเราเลือกระบบไม่ดี ก็อาจจะทำให้ต้นทุนการผลิตของเราเพิ่มสูงขึ้นก็ได้อีกด้วย ฉะนั้น เมื่อเราเลือกใช้ระบบการพิมพ์อย่างถูกต้อง มันก็ย่อมจะทำให้ชิ้นงานและผลงานของเราออกมาโดนใจอย่างแน่นอน และทำให้เราสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ไม่จำเป็นได้เป็นอย่างมากด้วยเช่นกัน
แนะนำ โรงพิมพ์กล่อง Printingdesignbox ของเรา รับผลิตและออกแบบกล่องบรรจุภัณฑ์กระดาษแบบครบวงจร สนใจผลิตกับเรา คลิกเลย
