อยากให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ? บรรจุภัณฑ์คือกุญแจสำคัญ! เรียนรู้วิธีเลือกกล่องพัสดุให้เหมาะกับสินค้า เพิ่มความน่าเชื่อถือ และช่วยสร้างแบรนด์ให้โดดเด่น พร้อมเทคนิคการแพ็กของให้ปลอดภัย
การขายของออนไลน์ไม่ใช่แค่เรื่องของสินค้าดีมีคุณภาพเท่านั้น แต่ยังต้องใส่ใจในเรื่องของ “การจัดส่ง” และ “กล่องพัสดุ” อีกด้วย บรรจุภัณฑ์ที่ดูดีและแข็งแรงจะช่วยสร้างความประทับใจแรกให้กับลูกค้า สินค้าที่ถูกแพ็กอย่างเรียบร้อยจะช่วยลดความเสียหาย และเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะกลับมาซื้อซ้ำ มาดูกันว่าเทคนิคการเลือกใช้กล่องพัสดุและการแพ็กสินค้ายังไงให้โดนใจลูกค้าจนต้องกลับมาอุดหนุนอีก!

เคล็ดลับมัดใจลูกค้าด้วยการใช้กล่องพัสดุที่เหมาะสม
การมัดใจลูกค้าด้วยการใช้กล่องพัสดุที่เหมาะสมเป็นเทคนิคสำคัญในการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า และยังช่วยเสริมสร้างแบรนด์ของคุณให้น่าจดจำมากขึ้น นี่คือเคล็ดลับในการเลือกใช้กล่องพัสดุที่เหมาะสม
1.เลือกกล่องพัสดุที่เหมาะกับสินค้า
การเลือกขนาดของกล่องพัสดุเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้ากล่องเล็กเกินไป สินค้าอาจจะอัดแน่นจนเสียหายได้ ในขณะที่ถ้ากล่องใหญ่เกินไป อาจต้องเสียค่าส่งแพงขึ้นและเสี่ยงที่สินค้าจะกลิ้งไปมาระหว่างขนส่ง ควรเลือกกล่องที่พอดีกับสินค้า และใช้วัสดุรองรับเพิ่มเติม เช่น กระดาษลูกฟูก หรือบับเบิ้ลแรป เพื่อป้องกันการกระแทก
เลือกกล่องที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับสินค้า ควรเลือกกล่องที่มีความหนาและขนาดเหมาะสมกับปริมาณ และน้ำหนักสินค้า เพื่อให้สามารถป้องกันการเสียหายได้ดี
การใช้กล่องลูกฟูกความหนา 3 ชั้น หรือ 5 ชั้นสามารถช่วยในการขนส่งสินค้าที่มีน้ำหนักได้ดี
ขนาดกล่องพัสดุมาตรฐาน
- เบอร์ 00: 9.8 x 14 x 6 ซม.
- เบอร์ 0: 11 x 17 x 6 ซม.
- เบอร์ 0+4: 11 x 17 x 10 ซม.
- เบอร์ AA: 13 x 17 x 7 ซม.
- เบอร์ A: 14 x 20 x 6 ซม.
- เบอร์ 2A: 14 x 20 x 12 ซม.
- เบอร์ B: 17 x 25 x 9 ซม.
- เบอร์ 2B: 17 x 25 x 18 ซม.
- เบอร์ B+7: 17 x 25 x 16 ซม.
- เบอร์ C: 20 x 30 x 11 ซม.
- เบอร์ C+9: 20 x 30 x 20 ซม.
- เบอร์ CD: 15 x 15 x 15 ซม.
- เบอร์ D: 22 x 35 x 25 ซม.
- เบอร์ D+11: 22 x 35 x 25 ซม.
- เบอร์ E: 24 x 40 x 17 ซม.
- เบอร์ F: 30 x 45 x 20 ซม.
- เบอร์ G: 31 x 36 x 26 ซม.
- เบอร์ H: 40 x 45 x 34 ซม.
- เบอร์ I: 45 x 55 x 40 ซม.
2.ใช้วัสดุกล่องที่มีคุณภาพสูง
กล่องพัสดุที่แข็งแรงช่วยให้สินค้าถึงมือลูกค้าโดยไม่เสียหาย กล่องที่ทำจากกระดาษลูกฟูกหลายชั้น หรือกระดาษแข็งที่ทนทาน จะช่วยป้องกันแรงกระแทกและลดความเสี่ยงที่สินค้าจะบุบหรือแตก ควรเลือกกล่องที่มีมาตรฐานและสามารถรับน้ำหนักสินค้าได้ดี
3.ออกแบบกล่องให้สะดุดตา เพิ่มมูลค่าให้สินค้า
กล่องพัสดุไม่ควรเป็นแค่บรรจุภัณฑ์ที่ใช้ส่งสินค้าเท่านั้น แต่ควรเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ช่วยสร้างการจดจำแบรนด์ คุณสามารถออกแบบกล่องให้มีสีสัน โลโก้ หรือข้อความที่ช่วยสร้างเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์ได้ การใช้สติกเกอร์หรือริบบิ้นตกแต่งกล่องยังช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้รับของขวัญมากกว่าการซื้อสินค้าเพียงอย่างเดียว
4.ใส่ใจในการแพ็กสินค้าให้ปลอดภัย
เมื่อเลือกกล่องที่เหมาะสมแล้ว การแพ็กสินค้าก็สำคัญไม่แพ้กัน ควรห่อสินค้าด้วยบับเบิ้ลแรปหรือโฟมกันกระแทกก่อนนำลงกล่อง ปิดเทปให้แน่นหนา และใช้เทคนิค H-Taping ในการปิดกล่องเพื่อเพิ่มความแข็งแรง การใช้สายรัดกล่องเพิ่มเติมจะช่วยลดโอกาสที่กล่องจะเปิดออกระหว่างขนส่ง
5.เพิ่มข้อความหรือการ์ดขอบคุณในกล่อง
การใส่ข้อความเล็ก ๆ เช่น “ขอบคุณที่อุดหนุน” หรือการ์ดขอบคุณที่ออกแบบมาอย่างสวยงาม จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกดีและประทับใจกับร้านค้าของคุณมากขึ้น อาจเพิ่มโค้ดส่วนลดสำหรับการซื้อครั้งถัดไป เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ
6.เลือกขนส่งที่รวดเร็วและมีคุณภาพ
การเลือกบริษัทขนส่งที่ดีเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้พัสดุถึงมือลูกค้าโดยไม่มีปัญหา ปัจจุบันมีบริษัทขนส่งหลายเจ้าที่ให้บริการรวดเร็วและมีระบบติดตามพัสดุ เช่น ไปรษณีย์ไทย Kerry Flash Express และ DHL ควรเลือกขนส่งที่เหมาะสมกับประเภทสินค้าและงบประมาณของร้านค้า
วิธีแพ็กพัสดุให้ปลอดภัย ลดโอกาสสินค้าเสียหาย
การแพ็กพัสดุให้ปลอดภัยและลดโอกาสสินค้าเสียหายเป็นขั้นตอนสำคัญในการส่งสินค้า นี่คือวิธีการแพ็กพัสดุที่ถูกต้อง
1.ใช้บับเบิ้ลแรปเพื่อป้องกันการกระแทก
ก่อนนำสินค้าลงกล่อง ควรห่อด้วยบับเบิ้ลแรปหรือวัสดุรองรับแรงกระแทกอื่น ๆ เพื่อช่วยลดโอกาสที่สินค้าจะเสียหายระหว่างขนส่ง
2.เลือกกล่องที่พอดีกับสินค้า
อย่าใช้กล่องใหญ่เกินไป เพราะอาจทำให้สินค้าเคลื่อนที่ไปมา ควรใช้กระดาษหนังสือพิมพ์หรือเม็ดโฟมเพื่อเติมช่องว่าง และช่วยให้สินค้าอยู่กับที่
3.ปิดผนึกกล่องให้แน่นหนาด้วย H-Taping
ติดเทปกาวให้แน่นหนา โดยใช้เทคนิค H-Taping หรือการติดเทปเป็นรูปตัว H ที่ด้านบนและด้านล่างของกล่อง เพื่อป้องกันการเปิดระหว่างขนส่ง และถ้าต้องการความปลอดภัยมากขึ้น อาจใช้สายรัดกล่องเสริม
4.เขียนที่อยู่และเบอร์โทรให้ชัดเจน
การจ่าหน้ากล่องต้องมีข้อมูลที่ชัดเจน ทั้งชื่อ ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ของผู้รับและผู้ส่ง เพื่อให้พนักงานขนส่งสามารถติดต่อได้ง่าย และลดโอกาสที่พัสดุจะส่งผิดที่
เลือกขนส่งให้เหมาะสม ช่วยให้พัสดุถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัย
ปัจจุบันมีบริการขนส่งหลายเจ้าที่รองรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ เช่น ไปรษณีย์ไทย Kerry Flash Express J&T Ninja Van และ DHL แต่ละขนส่งมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน บางเจ้าค่าขนส่งถูกกว่า แต่บางเจ้ามีบริการส่งด่วนที่รวดเร็วกว่า ควรเลือกขนส่งที่เหมาะสมกับประเภทสินค้าและความต้องการของลูกค้า
สรุป
การใช้กล่องพัสดุที่เหมาะสมไม่เพียงช่วยป้องกันความเสียหายของสินค้า แต่ยังช่วยสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าและเพิ่มโอกาสที่พวกเขาจะกลับมาซื้อซ้ำ การเลือกขนาดและวัสดุของกล่องที่เหมาะสม ออกแบบให้ดูสวยงาม และใส่ใจในการแพ็กสินค้า จะช่วยให้ร้านค้าของคุณดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ ลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปใช้ แล้วคุณจะเห็นว่ากล่องพัสดุมีผลต่อยอดขายมากกว่าที่คิด
อ่านบทความเพิ่มเติม: ขายของออนไลน์ ยังไงให้ปัง? เทคนิคเริ่มต้นสำหรับมือใหม่